วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

เขาพระวิหาร

เขาพระวิหาร

ดูเหมือนว่าในครั้งแรกนั้นคณะกรรมาธิการที่หลากหลายไม่ได้ยึดถือการประชุมอย่างเป็นทางการหลังจากวันที่ 19 มกราคม 1907 มันต้องไม่ลืมสิ่งนั้น ณ เวลาที่การประชุมกำลังจะมีขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการยุติการทำงานของคณะกรรมาธิการ ความ สนใจของทั้งสองประเทศ ในส่วนของผู้ซึ่งมีคุณวุฒิพิเศษในการกระทำและการพูดในนามของพวกเขาในเรื่อง นี้เป็นความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินของสนธิสัญญาในวันที่ 23 มีนาคม 1907 ความเกี่ยวข้องที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะในกรณีของ Colonel Bernard มันยากที่จะสามารถเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการของผลลัพธ์ของการแบ่งเขตแดนที่พวกเขาทำสำเร็จไป

เวที สุดท้ายของการแบ่งเขตแดนเป็นการเตรียมและการพิมพ์แผนที่ สำหรับการบริหารของเทคนิคการทำงาน รัฐบาลไทยซึ่งเวลานี้ยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ ตามที่ได้ประกาศเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสต้องทำแผนที่แบ่งพรมแดน มันชัดเจนจากการเปิดรายงานการประชุมของการประชุมคณะกรรมการครั้งแรกเมื่อวัน ที่ 29 สิงหาคม 1905 คำขอร้องนี้ได้รับการยอมรับของคณะกรรมาธิการไทยซึ่งแน่นอนว่าได้ก่อให้เกิดขึ้น ในหนังสือของวันที่ 20 สิงหาคม 1908 ซึ่ง Siamese Minister ใน ปารีสได้ติดต่อถึงรัฐบาลในตอนท้ายเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการทำแผนที่ โดยอ้างอิงถึง “the Mixed Commission of Delimitation of the frontiers and the Siamese Commissioners” ที่เป็นคำขอร้องของคณะกรรมาธิการฝรั่งเศสเตรียมแผนที่ของพรมแดนส่วนต่างๆนี่เป็นนโยบายของไทยที่จะแสดงโดยข้อเท็จจริงในครั้งที่สอง(1907) สมาชิก คณะกรรมาธิการจากฝรั่งเศสถูกขอร้องโดยคณะกรรมาธิการจากประเทศไทยในการเขียน แผนที่ให้สำเร็จ สามารถดูได้จากรายละเอียดของการประชุมวันที่ 6 มิถุนายน 1908

รัฐบาลฝรั่งเศสได้วางแผนการทำงานโดยทีขอเจ้าหน้าที่สี่คน สามคนได้แก่ Captain Tixier, Kerler,Batz เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการชุดแรก นี่เป็นทีมงานที่อยู่ภายใต้แนวทางทั่วไปของ Colonel Bernard และในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงของปี 1907 มัน สมบูรณ์ไปสิบเอ็ดแผนที่ซึ่งครอบคลุมพรมแดนส่วนใหญ่ระหว่างประเทศไทยและอินโด จีน รวมทั้งส่วนสำคัญในที่เสนอในคดี แผนที่ที่พิมพ์และเผยแพร่โดยผู้เชี่ยวชาญการเขียนแผนที่ของฝรั่งเศส คือ H.Barrere

แผนที่ สิบเอ็ดอันอยู่ในระหว่างวิธีการบอกไปยังรัฐบาลไทย ที่เริ่มร้องขอแผนที่โดยศาลจะพิจารณาทีหลังตามสภาวการณ์ของการสื่อสารและการ อนุมานจากมัน แผนที่ได้มีการไล่ตามเหตุการณ์ต่างๆ เนื่องจากแต่ก่อนพื้นที่พรมแดนที่ได้แสดงไว้โดยไทย ในของ Treaty of March 1907 ตอนนี้ได้กลายเป็นตั้งอยู่ในกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธมัน ความสนใจในแผนที่ของไทยยังคงมีอยู่ ท่ามกลางส่วนหนึ่งของ Dangrek ซึ่ง วัดนั้นตั้งอยู่ และบนนั้นมีร่องรอยพรมแดนที่ทำให้เห็นผลของการทำงานในการแบ่งเขตแดนและแสดง ให้เห็นคาบสมุทรของเขาพระวิหารกับพื้นทีวัด ซึ่งอยู่บนพื้นที่กัมพูชา ถ้าการแบ่งพรมแดนทำสำเร็จในความเกี่ยวข้อง Eastern Dangrek หรือเจตนาในการกำหนดสันปันน้ำ แผนที่นี้ประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นสันปันน้ำนั้น แผนที่ได้รวบรวมข้อมูลโดยกัมพูชา Annex I สู่ Memorial และกลายมาเป็นความรู้ในคดี(และจะอ้างอิงถึงในที่นี้) เช่นเดียวกับแผนที่ Annex I

มันอยู่บนแผนที่นี้ซึ่งกัมพูชาเชื่อมั่นว่ามันสนับสนุนการอ้างกรรมสิทธิ์ในอธิปไตยของเขาที่มีเหนือเขาพระวิหาร ใน ทางกลับกันประเทศไทยได้อ้างหลักฐานที่มีอยู่บนแผนที่ ตามเหตุผล ข้อแรก แผนที่นั้นไม่ได้ทำโดยคณะกรรมาธิการและไมได้มีการเข้าปกอย่าเป็นทางการ ข้อที่สอง แผนที่เขาพระวิหารที่ได้แสดงออกมานั้นผิดพลาด มาสามารถอธิบายได้ในพื้นฐานของการใช้ของการตัดสินในการปรับเปลี่ยนซึ่งคณะ กรรมาธิการเป็นเจ้าของเอง นี่เป็นข้อผิดพลาดตามที่ประเทศไทยได้โต้แย้ง เส้นแบ่งพรมแดนที่แสดงบนแผนที่ไม่ใช่สันปันน้ำที่ถูกต้องและเส้นที่วาดขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสันปันน้ำที่แท้จริงต้องถูกเอามาแทนที่ และตอนนี้มันตั้งอยู่แล้วพื้นที่วัดจึงอยู่ในประเทศไทย มันเป็นข้อต่อสู้ของประเทศไทยที่ไม่เคยยอมรับแผนที่หรือเส้นพรมแดนที่ชี้บนแผนที่ ถ้าประเทศไทยไม่ยอมรับแผนที่ ไทยทำได้เพียงแค่ภายใต้ข้อนี้และเพราะว่าความเชื่อที่ผิด(ซึ่งไทยเชื่อมั่น)

เส้นแผนที่นั้นถูกต้องและสอดคล้องกับสันปันน้ำแล้ว

ศาล จะดูปัจจัยสำคัญ จำกัดตัวมันเองในการโต้แย้งอันแรก อ้างหลักฐานเหตุผลซึ่งศาลพิจารณาด้วยความถูกต้อง เช่นแผนที่นั้นไม่เคยพิสูจน์โดยคณะกรรมาธิการชุดแรก ดังนั้นคณะกรรมาธิการจึงหยุดการทำงานบางเดือนก่อนจะทำแผนที่ออกมา บันทึกนั้นไม่ได้แสดงออกมาถึงแผนที่และเส้นซึ่งเป็นพื้นฐานของการตัดสินใจ หรือคำแนะนำที่ให้โดยคณะกรรมาธิการสู่การสำรวจเจ้าหน้าที่ขณะที่ยังคงทำ งานอยู่ เป็นที่แน่นอนว่าแผนที่ต้องมีพื้นฐานของแหล่งที่มาและศาลคิดว่านั่นไม่สามารถเป็นเหตุผลที่สงสัยว่ามันเป็นฐานของการทำงานใน Dangrek เป็น ส่วนหนึ่งในชุดแผนที่ของพื้นที่การแบ่งพรมแดนโดยรัฐบาลฝรั่งเศสที่ทำขึ้น ด้วยการทำแผนที่ที่เชี่ยวชาญในการตอบคำถามที่ทำโดยเจ้าหน้าที่ไทย พิมพ์และเผยแพร่โดยบริษัทปารีสที่มีชื่อเสียง แผนที่ทั้งหมดชัดเจนในตัวมันเอง มันมีคุณสมบัติอยู่ในตัวมันเองและต้นกำเนิดของมันก็เปิดเผยและเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามศาลต้องสรุปเรื่องนี้ นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นและปัจจัยหนึ่งของการสร้าง มันไม่ใช่การเขียนที่ได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว

ประเทศ ไทยโต้แย้งเหตุผลในช่วงเวลาที่ไม่อยู่ของการพิสูจน์แบ่งพรมแดนและรับเอามา เป็นของตนโดยคณะกรรมาธิการหรือบนฐานของการแนะนำ เส้นแบ่งเขตแดนจะต้องเป็นเช่นนี้โดยจุดเด่นของ Article I of the Treaty of 1904 ตามสันปันน้ำอย่างเคร่งครัด และนี่เป็นเส้นที่ทำให้เขาพระวิหารอยู่ในประเทศไทย ขณะที่คณะกรรมาธิการได้ตัดสินจากสันปันน้ำเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความผิดปกติและรายงานการแบ่งพรมแดนทั้งหมดด้วยความแน่นอน ประเทศ ไทยโต้แย้งการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่เดิมถึงที่ตั้งเขาพระวิหารในกัมพูชา ที่มีขอบเขตดีกว่าโดยคณะกรรมาธิการต้องตัดสินใจด้วยตัวเองโดยปราศจากการอ้าง อิงถึงคุณสมบัติพิเศษของรัฐบาล

สาระ สำคัญในการโต้แย้ง เกิดขึ้นโดยตัวของมันเอง ศาลพิจารณาว่าสิ่งเหล่านั้นไม่พบกับประเด็นที่แท้จริงรวมอยู่ แม้ถ้าไม่มีการกำหนดเขตของพรมแดนในส่วนตะวันออกของ Dangrek ที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับโดยคณะกรรมาธิการ มันจะเปิดสู่การยอมรับการแบ่งเขตแดนอย่างเห็นได้ชัด ในการทำงานของสมาชิกคณะกรรมาธิการ ความสนใจที่เปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่มีอยู่เดิมจากสันปันน้ำซึ่งรวมอยู่ในการ แบ่งพรมแดน ดังนั้นตามข้อโต้แย้งของไทย การแบ่งพรมแดนที่ชี้บนแผนที่ Annex I ไม่ใช่คณะกรรมาธิการตัดสิน นี่ไม่ใช่จุดที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดที่เขาพระวิหารในการตัดสินของคณะกรรมาธิการว่าใช่หรือไม่ จุดที่แน่นอนในคืออำนาจของรัฐบาลในการยอมรับการเปลี่ยนแปลง

คำถามที่แท้จริง ซึ่งมีความจำเป็นในคดีนี้คือ คู่ความไม่ยอมรับแผนที่ Annex I และเส้นแบ่งปันเขตแดนบนนั้น เช่นเดียวกับการเสนอผลลัพธ์ของการทำงานของการเปลี่ยนแปลงเขตแดนในส่วนเขาพระ วิหาร ดังนั้นจึงมีการปรึกษากันขึ้น

ประเทศ ไทยปฏิเสธในสิ่งที่เคยวิตกกังวลและได้ยอมรับในบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้ตอบในทัศนคติที่จะเกิดขึ้น ไทยรักษาวิธีของการปฏิบัติไว้ รวมทั้งล้มเหลวในเป้าหมาย ไม่สามารถมีข้อมูลเพียงพอที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงเขาพระวิหารจากสันปันน้ำโดย Article I of the Treaty of 1904 ดังนั้นจึงส่งผลให้อำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร เป็นของกัมพูชา

ศาลเห็นว่าเหตุผลมีความแตกต่างกัน มันชัดเจนอยู่แล้วจากบันทึกที่ประกาศและตีพิมพ์ออกไปของแผนที่ทั้งสิบเอ็ดอันที่ได้ถูกอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น